เริ่มกันที่อันดับที่ 10 ได้แก่ทีมชาติเดนมาร์ก อาจจะเป็นชื่อที่เหนือคาดนิดหน่อย แต่อันที่จริงพักหลังมานี้ถือว่าพวกเค้ามีผลงานที่ไม่ธรรมดา ไล่ตั้งแต่ยูโร 2020 ก็เป็นหนึ่งในสี่ทีมสุดท้ายของรายการ แล้วที่พีคเลย คือเดนมาร์กเป็นทีมที่ 2 ของโลกที่สามารถการันตีผ่านเข้ามาเล่นศึกฟุตบอลโลกได้จากการคัดเลือก โดยเดนมาร์กถูกจับไปอยู่กลุ่ม D ซึ่งเป็นกลุ่มเดียวกับแชมป์เก่าอย่างฝรั่งเศส ตูนิเซียและออสเตเลีย ถึงแม้จะอยู่กลุ่มเดียวกับแชมป์โลก แต่ถ้าเทียบกับอีกสองทีมก็ถือว่าเดนมาร์กก็ดูจะมีโอกาสเข้ารอบได้ไม่ยาก   

        อันดับที่ 9 ได้แก่เนเธอร์แลนด์ เป็นอีกทีมที่ไม่น่าเชื่อว่ายังไม่เคยได้แชมป์ แต่ผ่านการเข้าชิงมาแล้วถึงสามครั้ง ถือว่าเป็นอีกหนึ่งทีมที่มีมาตารฐานดีอยู่ไม่น้อย ถึงแม้ว่ากังหันสีส้มจะถูกวางไว้ในโถที่2 แต่ก็ถือว่ามีผลจับสลากที่ดี โดยพวกเค้า ถูกจับมาอยู่กลุ่ม A ที่มีทีมเจ้าภาพอย่างกาตาร์จากโถหนึ่งอยู่ร่วมด้วยก็ถือว่าเป็นงานที่เบาที่สุดจากโถAโดยอีกสองทีมคือเซเนกัล เอกวาดอร์ ซึ่งก็ถือวาเนเธอร์แลน์ก็ดูมีดีไม่น้อยที่จะเข้ารอบ

        อันดับที่ 8 ได้แก่ ทีมชาติโปรตุเกส ก็โปรตุเกสชุดนี้ถูกมองว่าเป็นชุดที่พร้อมที่สุด พวกเค้าไม่ได้มีแค่ซุปตาร์อย่าง โรนัลโด้ แต่ทีมโปรตุเกสชุดนี้ยังเต็มไปด้วยนักเตะคุณภาพดีๆกระจายอยู่ทั่วทุกตำแหน่ง โดยหนึ่งไฮไลท์ที่แฟนๆน่าจะเฝ้าดูกัน คือการที่บอลโลกครั้งนี้อาจจะเป็นครั้งสุดท้ายของ โรนัลโด้ อีกด้วย โดยโปรตุเกสถูกจับไปอยู่กลุ่ม H ร่วมกับกาน่า อุรุกวัย และเกาหลีใต้

         อันดับที่ 7 ที่มชาติเบลเยี่ยม นี่คือทีมอันดับที่สามจากศึกฟุตบอลโลกครั้งล่าสุดอีกทั้งในอันดับโลกหรือฟีฟ่าแลงค์กิ้ง พวกเค้าก็อยู่ในอันดับท็อปมาตลอด จนพึ่งอัพเดทล่าสุดนี่เองว่าพวกเค้าตกชั้นมาอยู่อันดับที่สองของโรค…ถือว่าเป็นครั้งแรกในรอบ 4 ปี ที่พวกเค้าตกลงมาจากอันดับหนึ่งของโลก แต่ถึงอย่างไรก็ถือว่ามารตฐานยังสูงอยู่ โดยเบลเยี่ยมถูกจับไปอยู่ในกลุ่ม F ร่วมกับ แคนนาดา โมร็อคโค และโครเอเชีย

          อันดับที่ 6 ได้แก่อินทรีเหล็ก ทีมชาติเยอรมัน เป็นทีมที่มีมาตรฐานสูงเสมอในฟุตบอลโลก ก่อนหน้านี้เยอรมันสามารถเข้าไปสู่รอบชิงในศึกฟุตบอลโลกได้ถึงสี่ครั้ง แถมเยอรมันเป็นทีมที่เข้าชิงรายการนี้บ่อยที่สุดแล้ว จนบอลโลกครั้งล่าสุดปี 2018 ที่พวกเขาดันตกรอบแรกจนคนมองว่ามันคืออาถรรพ์แชมป์เก่าหรือเปล่า ทำให้ฟุตบอลโลกรอบนี้พวกเค้าน่าจะเตรียมตัวมาดีสุดภายใต้การคุมทีมของ ฮันซี่ ฟลิ้ค ก็ต้องรอดูว่าเยอรมันจะดึงมาตรฐานตัวเองกลับมาได้หรือไม่ โดยการแบ่งกลุ่มรอบนี้ถือว่าดุเดือน เพราะเยอรมันมาอยู่กลุ่ม E กลุ่มเดียวกันกับ สเปน ญี่ปุ่น และคอสตาริก้า

            อันดับที่ 5 ทีมชาติอาเจนติน่า ที่ฟุตบอลโลกครั้งนี้อาจจะเป็นครั้งสุดท้ายของ ริโอเนล เมสซี่ เช่นกันซึ่งครั้งหนึ่ง ในฟุตบอลโลกปี 2014 เมสซี่กับอาเจนติน่าเกือบพาทีมเข้าสู่รอบชิงได้สำเร็จ แต่ไปแพ้ให้เยอรมันเสียก่อน แต่ครั้งนี้มีบางอย่างเปลี่ยนไป เพราะพวกเค้ามาในมาตรฐานแชมป์ของทวีปอเมริกาใต้ ฉะนั้นเรื่องความกดดันเกี่ยวกับความสำเร็จน่าจะปลดล็อคกันมาทั้งทีม รอบนี้น่าจะพร้อมสุดๆ โดยอาเจนติน่าอยู่กลุ่ม C ร่วมกับ ซาอุดิอาระเบีย แม็คซิโค และโปรแลนด์

            อันดับที่ 4 ทีมชาติสเปน แชมป์ฟุตบอลโลกปี 2010 ที่พักหลังพวกเค้าดูดรอปลงไปพอสมควร แต่หลังจากที่ หลุยส์ เอ็นริเก้ ผู้จัดการทีมคนใหม่เริ่มทำให้ทีมดูลงตัวมากขึ้น มีการดึงตัวนักเตะเลือดใหม่เข้ามา ทำให้สเปนนาทีนี้ดูพร้อมที่สุดในรอบหลายปีหลังมานี้ โดยสเปนอยู่กลุ่ม E กลุ่มเดียวเยอรมัน ญีปุ่น และคอสตาริก้า
       

            อันดับที่ 3 ทีมชาติอังกฤษ ก็ต้องบอกว่า อังกฤษมักจะเป็นทีมที่ถูกคาดหวังทุกครั้งในศึกบอลโลกแต่ก็มักไปไม่ถึงฝัน เพียงแค่ในรอบสี่ปีหลังมานี้ อังกฤษในยุดของ แกเลท เซาท์เกต ถือว่ามีผลงานที่จับต้องได้ เริ่มจากฟุตบอลโลกครั้งก่อนพวกเค้าก็เป็นหนึ่งในสี่ทีมสุดท้าย ถึงแม้ว่าจะจบด้วยการเป็นอันดับที่สี่ แต่พอศึกยูโรพวกเค้าก็ทะลุถึงนัดชิงได้และเป็นรองแชมป์ยูโรในปีที่ผ่านมา ถือว่ผลงานดีขึ้นชัดเจน และยังถูกมองว่าเป็นทีมที่จับฉลากเจองานไม่ยาก โดยอังกฤษจะอยู่ กลุ่ม B ร่วมกับอิหร่าน อเมริกา และเวล

             อันดับที่ 2 ได้แก่ทีมชาติฝรั่งเศส เป็นทีมที่ดูดีไม่แพ้ชุดที่ได้แชมป์โลกที่ผ่านมา แถมการได้เบนเซ่ม่า กลับมาดูจะยิ่งดีขึ้นไปอีก แต่กลับกันทีหลายคนมองถึงความเชื่อที่ว่าฝรั่งเศสจะเจอกับอาถรรพ์บอลโลกรึเปล่าที่ว่าหลังจากได้แชมป์โลกกันแล้ว พอครั้งต่อมา มักจะตกรอบไปกันตั้งแต่รอบแรก แถมฝรั่งเศสเอง เคยเจอเหตุการณ์นี้มาแล้วตอนบอลโลกปี2002 แต่การจับฉลากแบ่งกลุ่มก็ถือว่าพวกเค้านาจะพอใจ เพราะฝรั่งเศษถูกจับให้อยู่กลุ่ม D ซึ่งมีเดนมาร์ก ตูนิเซีย และออสเตเลีย

             อันดับที่ 1 ทีมชาติบราซิล เจ้าแห่งฟุตบอลโลกเพราะนี้คือทีมที่ได้แชมป์เยอะที่สุดแล้ว คือ 5 สมัยและเป็นทีมที่สามารถปาดหน้าเบลเยี่ยมขึ้นมาเป็นอันดับหนึ่งของฟีฟ่าแลงค์กิ้งได้ล่าสุด โดยในรอบสามปีหลัง บราซิลเคยแพ้แค่นัดเดียวเท่านั่นในทุกรายการที่ลงเล่น แถมผลงานรอบคัดเลือก พวกเค้าถือเป็นทีมที่สามของโลกที่ผ่านเข้ารอบบอลโลกจากการคัดเลือกก็ต้องรอดูว่าศึกฟุตบอลโลกปีนี้ บราซิลที่สามารถทวงบัลลังก์คืนได้หรือไม่ โดยทีมชาติบราซิลจะอยู่กลุ่ม G ร่วมกับ เซอร์เบีย สวิสเซอร์แลนด์ และแคเมอรูน