เริ่มกันที่กลุ่ม A ที่เป็นกลุ่มของเจ้าภาพ ซึ่งประกอบไปด้วย

• ทีมชาติการ์ต้า (Qatar) เจ้าภาพ
• ทีมชาติเอกวาดอร์ (Ecuador)ตัวแทนจากอเมริกาใต้
• ทีมชาติเซเนกัล (Senegal) แชมป์แอฟริกาเอเซียคัพปีล่าสุด ที่นำทัพมาโดย ซาดิโอมาเน่
• ทีมชาติ เนเธอร์แลนด์ (Netherlands) ภายใต้การคลุมทีมของ หลุยฟานกัลป์ ที่ในเวลานี้กำลังโชว์ฟรอมได้อย่างร้อนแรงและไม่แพ้ใครมาแล้ว 12 นัดติดต่อกัน

กลุ่ม B ประกอบไปด้วย

• ทีมชาติ อังกฤษ (England)รองแชมป์จากศึกฟุตบอลยูโรปีล่าสุด
•  ทีมชาติ อิหร่าน (Iran) ทีมเบอร์หนึ่งจากทวีปเอเซีย
• ทีมชาติสหรัฐอเมริกา (United States)ตัวแทนจากโซนคอนคาเคฟ
• ทีมชาติเวล(Wales) นำทัพมาโดนโนแกเร็ท เบล ที่สามารถพาทีมผ่านเข้ารอบมาเล่นในศึกฟุตบอลโลกได้สำเร็จในรอบ 64 ปี

กลุ่ม C ประกอบไปด้วย

• ทีมชาติอาเจนติน่า (Argentina) แชมป์โคปาอเมริกาปีล่าสุดที่จะนำทัพมาโดย ซุปเปอร์สตาร์ลูกหนังอย่าง ลิโอเนล เมสซี่
• ทีมชาติซาอุดิอาระเบีย (Saudiarabia) ตัวแทนจากทวีปเอซีย
• ทีมชาติแม็กซิโก (Maxico) ทีมเบอร์หนึ่งจากโซนคอนคาเคฟที่อยู่ในอันดับที่ 9 ของฟีฟ่าแลงค์กิงปัจจุบัน
• ทีมชาติ โปรแลนด์ (Poland) นำทัพมาโดยสุดยอดดาวยิง อย่างโรเบิร์ต เลวานดอฟกี้

กลุ่ม D ประกอบด้วย

• ทีมชาติฝรั่งเศส (France) ทีมแชมป์เก่าในศึกฟุตบอลโลกปี 2018
• ทีมชาติออสเตเลีย (Australia) ตัวแทนจากทวีปเอเซีย
• ทีมชาติเดนมาร์ก(Denmary) ที่นำทัพมาโดยกัปตันอย่าง คริสเตียน เอริเซ่น ที่กลับมาติดทีมชาติหลังจากเหตุการช็อกหมดสติไปในศึกฟุตบอลยูโรในปีที่ผ่านมา
• ทีมชาติตูนิเซีย (Tunisia) ตัวแทนจากทวีปแอฟริกาที่มีโอกาศได้ลงเล่นในศึกฟุตบอลโลกเป็นปีที่ 2 ติดต่อกัน