คนที่ 1 จันลุยจิ ดอนนารุมมา จากทีมชาติอิตาลี สำหรับทีมชาติอิตาลีถือว่าเรื่องราวที่ช็อควงการซึ้งเป็นการซ้ำสมัยที่สอง ที่พวกเขาไม่ได้ไปเล่นฟุตบอลโลกรอบสุดท้าย จากการพ่ายแพ้ มาซิโดเนียเหนือ ในฟุตบอลโลกรอบคัดเลือกเกมส์เพลย์ออฟโซนยุโรป ทำให้ผู้รักษาประตูฝีมือดีอย่าง ดอนนารุมมา นั่นหมดสิทธิไปโชว์ฝีไม้ลายมือในฟุตบอลโลกตามไปด้วย หลังจากที่พึ่งโชว์ฟรอมเซฟจุดโทษพาทีมชาติอิตาลีคว้าแชมป์ยูโรปในปีที่ผ่านมานี่เอง สำหรับ ดอนนารุมมาในวัยเพียงแค่23ปีและเล่นในต่ำแหน่งผู้รักษาประตูด้วย เชื่อว่ายังพอมีเวลาอีกมากสำหรับฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายขอเพียงแค่ทีมชาติอิตาลีของเขาไม่พลาดท่าเหมือน2ครั้งที่ผ่านมาเท่านั่นก็พอ

คนที่ 2 ลาตัน อิบราฮิโมวิช จากสวีเดน นักเตะที่เคยเอ๋ยวลีเด็ดว่า”ฟุตบอลโลกที่ไม่มีผมไม่ใช่ฟุตบอลโลก” จากการที่ตนเองไม่ได้ร่วมทีมชาติไปทำศึกฟุตบอลโลกที่ รัสเซีย แต่ในศึกฟุตบอลโลกรอบคัดเลือกในครั้งนี้ ลาตัน อิบราฮิโมวิซ กับมารับใช้ทีมชาติหวังพาสวีเดนไปลุยศึกฟุตบอลโลกที่กาตาร์ในปี 2022 ให้ได้ แต่กลับไม่เป็นดังหวังเมื่อทีมชาติสวีเดนของ ลาตัน อิบราฮิโมวิซ ทำได้เพียงแค่อันดับสองของกลุ่ม ทำให้ต้องไปเพลย์ออฟเพื่อไปเล่นฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายที่ประเทศการ์ตาร์ แต่สุดท้ายก็พลาดท่าจอดได้เพียงแค่นั่น โดยพ่ายแพ้โปรแลนด์ ทำให้ ทั้งลาตัน อิบราฮิโมวิซ และเพื่อนร่วมทีมชาตินั่นทำได้เพียงนั่งดูฟุตบอลโลกคราวนี้อยู่ที่บ้าน ในส่วนของลาตันนั่นปัจจุบันอายุ 40 ปีแล้ว แต่เจ้าตัวยังพร้อมจะรับใช้ทีมชาติสวีเดนต่อไป ตราบใดที่เค้ายังเล่นฟุตบอลได้

    คนที่ 3 มูฮาเม็ด ซาลา ทีมชาติอียิปต์ สำหรับ มูฮาเม็ด ซาลา เวลานี้ถูกยกให้เป็นผู้เล่นแนวรุกระดับต้นๆของโลกฟุตบอลเป็นที่เรียบร้อยแล้ว จากการที่เค้าระเบิดฟรอมถล่ม ประตูพาลิเวอร์พลู ทยานสู่แชมป์พรีมีลีค และโชวผลงานยอดเยี่ยมตลอดสามฤดูกาลที่ผ่านมา แต่ในระดับทีมชาตินั่น อียิปต์ของเขาต้องโคยจรมาแย่งชิงตั๋วฟุตบอลโลก2022 จากทวีปแอฟริกากับเซนิกัล เพื่อนร่วมทีมลิเวอร์พูลอย่าง ซาดิโอมาเน่ ซึ่งสุดท้ายแล้วก็เป็นเซนิกัลป์ที่ทำได้ดีกว่าทีมอียิปต์ จึงทำให้ มูฮาเม็ด ซาลา ทำได้เพียงนั่งดูเพื่อนๆเล่นฟุตบอลโลกกัน และก็เป็นไปได้สูงที่เค้าจะไม่ได้เล่นฟุตบอลโลกอีกแล้วนับจากนี้ เนื่องจาก อายุทยานสู่หลัก 30 เป็นที่เรียร้อยแล้ว

คนที่ 4  เออร์ลิง ฮาแลนด์ จากนอร์เวย์กองหน้าเนื้อหอมยจากดอทมุน มีสถิติการยิงประตูที่ยอดเยี่ยมไม่ว่าจะกับสโมสรหรือทีมชาติและถือว่าเป็นนัดเตะที่ทุกทีมต่างอยากได้ เออร์ลิง ฮาแลนด์ไปร่วมทัพในฤดูกาลหน้า แต่ทั้งหมดทั้งมวลที่ว่ามานี่ก็ยังไม่ดีพอที่จะแบกนอร์เวย์ไปลุยฟุตบอลโลกที่ประเทศการตาร์ได้ โดยนอร์เวย์จบที่อันดับ3 ในรอบคัดเลือกโซนยุโรป ทำให้ฟุตบอลโลกครังนี้ ตนดูจะยังไม่ได้เห็นยอดดาวยิงอนาคตไกลลงวาดฝีเท้าและระเบิดประตู แต่สำหรับ ฮาแลนด์แล้วยังมีเวลาอีกมากพอสมควรที่เขานั่นจะพานอร์เวย์ทีมชาติบ้านเกิดของเค้าไปลุยศึกฟุตบอลโลกให้ได้ และถึงตอนนั่นคนดูจะได้เห็นยอดดาวยิงคนนี้พิสูจน์ฝีมือในฟุตบอลโลกกันอย่างแน่นอน

คนที่ 5 ดาวิด อาลาบา จากออสเตรีย อาลาบาถือเป็นนักแตะที่ประสบความสำเร็จอย่างต่อเนื่องในระดับสโมสร ไม่ว่ายจะอยู่กับบาร์เยิร์นมิวนิค หรือ เรอัลมัดริค แต่เขากลับโชคไม่ดีมากนักกับการที่ระบใช้ทีมชาติที่ไม่ได้แข็งแกร่งในเรื่องของฟุตบอลเท่าที่ควร และในฟุตบอลโลกรอบคัดเลือกคราวนี้ทีมชาติออสเตรียของเขาก็ตกรอบเพย์ออฟด้วยการพ่ายแพ้ต่อเวลส์ ทำใหตลอดชีวิตนักเตะของ อาลาบาจนถึงตอนนี้เขายังไม่เคยสัมพัสฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายมาก่อนเลยและน่ะหมดหวังไปแล้วด้วยอายุที่ตอนนี้เลยเลข 3 ไปแล้ว

คนที่ 6 หลุยส์ ดิอาซ จากโคลัมเบีย โดยปกติแล้วโคลัมเบียถือเป็นทีมชาติเจ้าประจำที่ได้ผ่านมาเล่นฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายในฐานะตัวแทนจากอเมริกาใต้ แต่ในครั้งนี้ พวกเค้าหลุดฟรอมโดยในนัดสุดท้ายพลาดท่าแพ้เปรู จึงหมดโอกาสที่จะลุ้นไปเล่นฟุตบอลโลกไปโดยปริยาย ทำให้นักเตะใหม่จากลิเวอร์พลูที่โชว์ฟรอมเปรี้ยงปร้างให้กับต้นสังกัดอย่าง หลุยส์ ดิอาซต้องนั่งดูฟุตบอลโลกคราวนี้ทางทีวีหรือใกล้ชิดที่สุดคือการนั่งข้างสนามเพียงเท่านั่น

คนที่ 7 ริยาด มาร์เรซ จากประเทศเเอลจีเรีย แอลจีเรียเข้าใกล้ฟุตบอลโลกมากที่สุดคงจะเป็นครั้งนี้แหละโดยพวกเค้าขอเพียงแค่เสมอในนัดที่ 2 กับการเล่นในบ้านกับเคมเมอร์รูน ก็ดีพอที่จะไปการตาร์แล้ว แต่เรื่องราวไม่เป็นดังหวังเมื่อ แคมเมอร์รูนบุกมาชนะ 2-1 ทำให้สกอร์รวมเสมอกันไป และทีมหมอผีได้ไปตั๋วไปศึกบอลโลก ด้วยกฎประตูทีมเยือนทำให้ ริยาด มาร์เรซ นั่งเอาใจช่วยเพื่อนร่วมทีมอย่าง แมนซิตี้ในศึกฟุตบอลโลกครั้งนี้ และรอโอกาสไปอีก 4 ปีข้างหน้า