ฟุตบอลโลก

เปิดตำนานอาถรรพ์แชมป์ฟุตบอลโลก

             สวัสดีค่ะกับมาพบกันอีกครั้งกับ vmax1689 วันนี้ขอเสนอบทความว่าด้วยเรื่อง ฟุตบอลโลกกับอาถรรพ์แชมป์โลก หลายคนที่ติดตามฟุตบอลโลกมาหลายสมัยก็จะได้ยินตำนานอาถรรพ์ที่กล่าวไว้ว่า “ทีมที่ได้แชมป์ฟุตบอลโลกเมื่อปีก่อน ส่วนใหญ่แล้วจะตกรอบฟุตบอลโลกในครั้งปัจจุบัน ” ซึ่งนั่นตามสถิติแล้ว อาถรรพ์นี้ส่วนใหญ่แล้วค่อนข้างที่จะเป็นจริงเสมอ ถ้ากล่าวถึงอาถรรพ์เรื่องนี้แล้วต้องกล่าวย้อนไปที่จุดเริ่มต้นในปี 1998

สมัครสมาชิกฟรี ติดต่อเจ้าหน้าที่ ติดตามข่าวสาร

             ที่ประเทศฝรั่งเศสในฟุตบอลโลก ฟร็องส์98 ในปีนั่นเอง ฝรั่งเศสผงาดคว้าแชมป์ฟุตบอลโลกในแผ่นดินของตนเองด้วยการเอาชนะทีมชาติบราซิลที่มีทั้ง โรนัลโด โรนันดินโญ่ และลิวาวโด่ แต่สิ่งที่ทำให้แฟนบอลฝรั่งเศสช็อกคืออีก 4 ปีถัดมานั่นเอง ซึ่ง 4 ปีถัดมาในบอลโลกปี 2002

             ที่ญี่ปุ่นและเกาหลีใต้เป็นเจ้าร่วมในการจัดฟุตบอลโลกครั้งนี้ ฝรั่งเศสโชว์ผลงานช็อกแฟนบอล ด้วยการแพ้ 2 เสมอ 1 โดยแข่งทั้งหมด 3 นัด ในกลุ่ม A ซึ่งในกลุ่ม A นั่นฝรั่งเศสอยู่ร่วมกลุ่มกับทีมชาติ เดมมาร์ก เซเนกัลและอุรุกวัย ฝรั่งเศสโชว์ฟร์อมเทพด้วยการเปิดสนามแพ้ เซเนกัลไป 0 ประตู 1 ก่อนจะเสมออุรุกวัยในนัดที่สอง 0 ประตูต่อ 0 และโดนโคนมเดนมาร์กมาย้ำยีถึง 2 ประตูต่อ 0 ทำให้ตกเป็นทีมบ๊วยในกลุ่ม A และตกรอบไปในที่สุด ซึ่งด้วยผลงานที่ย้ำแย่ขนาดนี้มันทำให้ช็อกแฟนบอลตราไก่เป็นอย่างมาก ใครจะไปคิดละว่าแชมป์โลกในปี 1998 จะมาตกรอบแบ่งกลุ่มแบบหมดท่าในปี 2002

             อาถรรพ์แชมป์โลกต่อมา ก้าวมาที่ปี 2006 ในปีนั่นอินทรีเหล็กเยอรมันเป็นเจ้าภาพฟุตบอลโลกในปีนั่น อินยทรีเหล็กหมายมั่น ปั่นมือเป็นอย่างมากว่าจะคว้าแชมป์ฟุตบอลโลกในแผ่นดินบ้านเกิดของตนเอง แต่ก็ต้องพลาดท่าพ้ายให้กับทีมชาติอิตาลีในรอบรองชนะเลิศก่อนอิตาลีนั่นจะเข้าชิงฟุตบอลโลกปี 2006 และไปตยฝรั่งเศสในนัดชิงชนะเลิศด้วยการยิงจุดโทษ ถ้าหากใครที่ได้ดูนัดนี้จะจำไฮไลท์สำคัญได้ คือฉากที่ซีดานนั้นไปโขลกใส่ มาร์เตซี่ในนัดชิงชนะเลิศ ทำให้ซีดานนั่นโดนใบแดง และเป็นจุดเปลี่ยนทำให้ อิตาลี คว้าแชมป์โลกในนั่นไปในที่สุดหลังจาก2006 อิตาลีประกาศศักดาคว้าแชมป์ฟุตบอลโลกในแผนดินเยอรมันไปแล้ว

             ปี 2010 โชว์ช็อกแฟนบอลเหมือนกับที่ฝรั่งเศสเคยทำในปี 2002 ทีมชาติอิตาลีนั่นโชว์ผลงานช็อกฟรอมเหมือนฝรั่งเศสในปี 2002 ไม่มีผิด ในปี 2010 นั้นอิตาลีอยู่ในกลุ่มF ร่วมกับทีมชาติปารากวัย สโลวาเกียและนิวซีแลนด์ ซึ่งถ้ามองดูผิวเผินแล้วมันไม่น่าจะเหนือบ่ากว่าแรงที่อิตาลีจะผ่านเข้ารอบ 16 ทีมสุดท้ายได้แต่ความจริงแล้วมันไม่ใช่เป็นอย่างนั่น เพราะอิตาลี

ในปี 2010 ลงสนามในรอบแบ่งกลุ่มไป 3 เกมส์ในนัดเปิดสนาม เสมอทีมชาติปารากวัย ไป 1ประตูต่อ 1 นัดต่อมาเสมอนิวยซีแลนด์ไป 1 ประตูต่อ 1 ท่าจะไม่ค่อยดีซ่ะแลว และในนัดสุดท้ายแพ้สโลวาเกีย ไป3ประตูต่อ 2 ทำให้ตเป็นทีมบ๊วยของกลุ่ม F และก็ล่วงตกรอบไปในรอบแบ่งกลุ่มไปในที่สุด ทำให้ฟุตบอลโลกที่แอฟริกาใต้นั่น อิตาลี จอดอยู่ที่รอบแบ่งกลุ่มเท่านั่น โดยในปี 2010 นี่เองที่อิตาลีน็อคไปในรอบแบ่งกลุ่ม ก็มีทีมม้ามึดทีมนึงที่ก้าวขึ้นมาเป็นแชมป์ฟุตบอลโลก ด้วยแผนการเล่นที่สุดยอดมาก ภายใต้การคุ้มทีมของ บิเซนเต้ เดล โบสเก นั่นคือทีมชาติสเปนนั่นเอง

              สเปนในปี 2010 นั่นถือเป็นโกลเด้น เจนนาเลชั่นของสเปนเลยก็ว่าได้โดยผลงานมาสเตอร์พรีสของ บิเซนเต้ เดล โบสเก นั่นคือการเอาชนะทีมชาติ เยอรมันในรอบชิงชนะเลิศที่แผ่นดินแอฟริกาใต้ 1ประตูต่อ 0 จากการขึ้นมาโขลกของ คาลิส ปูโญ เขี่ยเยอรมันในรอบรองชิงชนะเลิศ เขี่ย เยอรมันตกรอบไปชิงกับประเทศฮอลแลนด์ ก่อนที่สเปนนั่นจะเอาชนะ ฮอลแลนด์ด้วยลูกยิง ฮาล์ฟวอลเลย์ของ อันเดียส ส่งเป็นเถลิงบันลังก์แชมป์ฟุตบอลโลกปี 2010 ซึ่งสเปนชุดนั่นถือว่ามีนักเตะที่ไร้เทียมทานหลายตำแหน่ง

             หลังจากนั้น 4 ปีถัดมาหลายๆคนก็มองไปภาพเดียวกันว่าสเปนที่มีขุมกำลังจาดชุดแชมป์โลกเมื่อ 4 ปีที่แล้ว มาลุยศึกฟุตบอลโลกในปี 2014 ที่แผ่นดินบราซิล แฟนบอลก็มองว่าสเปนนั่นเป็นตัวเต็งในฟุตบอลโลก 2014 ครั้งนี้ แต่ความเป็นจริงแล้วมันหาใช่อย่างนั่นไม่ถึงแม้สเปนในฟุตบอล 2014 นั่นจะมีแกนหลังที่ดี แต่สเปนในฟุตบอลโลกครั้งนี้นั่นกลับยำแย่ผิดกับฟุตบอลโลก 4 ปีที่แล้วเลย เพราะสเปนในหุตบอลโลก 2014 นั่นโชว์ฟรอมเทพเช่นเดียวกับอิตาลีและฝรั่งเศส ในปี 2010 และปี 2012 ด้วยการเปิดสนามแพ้ ฮอลแลนด์ไปถึง 1 ประตูต่อ 5 โดยนัดที่2 สเปนนนั่นก็ยังคงท็อปฟรอมแพ้ให้กับชิลิไป 2ประตูต่อ 0 และในนัดสุดท้ายมาแก้มือเอาชนะออสเตรเลียได้ 3 ประตูต่อ 0แต่มันก็ไม่เพียงพอที่จะเข้ารอบ ทำให้สเปนนั่นรั้งอยู่ในอันดับ 3 ในตารางคะแนนของกลุ่ม B ในฟุตบอล 2014 และทำให้สเปนตกรอบในรอบแบ่งกลุ่มไปตามระเบียบ

            โดยในปี 2014 นั่นทีมชาติที่หมายมั่นปั่นมือจะกลับมาล้างแค้นและกลับมาทวงบันลังก์ในฟุตบอลโลก คืออินทรีย์เหล็ก เยอรมัน ภายใต้การคุ้มทีมของโยฮา คินเลิฟ โดยยมีผู้ช่วยมือขวาอย่าง ฮัน ดิวเดอฟิค เลิฟ นั่นมากอบกู้และพาเยอรมันไปสู่ความสำเร็จครั้งใหญ่ หลังจากอกหักมาจากฟุตบอลโลก 2006 ที่อินทรีเหล็ก เยอรมันเป็นเจ้าภาพเอง และฟุตบอลโลก 2010 ที่แพ้สเปนในรอบรองชนะเลิศ

            ในฟุตบอลโลก 2014 นั่น เลิฟจะพาเยอรมันสู่ความสำเร็จ โดยที่เลิฟนั่นทำให้ฟันของแฟนบอลชาวอินทรีเหล็กเป็นจริงด้วยการตบบราซิลในรอบรองชนะเลิศ ไปถึง 7 ประตูต่อ 1 บนแผ่นดินของบราซิล และก้าวลงสนามในนัดชิงชนะเลิศกับประเทศอาเจนติน่า ก่อนที่จะเอาชนะอาเจนติน่าไป 1 ประตูต่อ 0 ด้วยลูกยิงพักอกของกอซเซ ทำให้อินทรีเหล็กเถลิงบันลังก์แชมป์ฟุตบอลโลกปี 2014 หลังจากนั่น 4 ปีถัดมา อินทรีเหล็กเยอรมันที่มีตัวเก๋าอย่าง โทมัส มูลเลอร์ ประกอบกับเลือดใหม่ของอินทรีเหล็กที่มีนักแตะดาวรุ่งขึ้นมา ทรอดแทรกหลายคนคงคิดว่าเยอรมันชุดนี้ยจะไปได้ไกลแน่นอน

แต่ถึงจะเป็นอินทรีเหล็กเยอรมันก็ไม่รอดอาถรรพ์ฟุตบอล เพราะในปี 2018 เยอรมันก็โชว์ฟรอมเทพตามรอบกับสเปนในปี 2014 อิตาลีในปี2010 และฝรั่งเศสในปี2002 ด้วยการเปิดสนามแพ้แม็กซิโกไป 1ประตูต่อ 0 และแก้มือเอาชนะสวีเดนได้ในนัดที่ 2 ไป 2 ประตูต่อ 1 ก่อนในนัดสุดท้ายที่เป็นนัดชี้ชะตา เยอรมันแพ้เกาหลีใต้ไปอย่างช็อกโลก 2 ประตูต่อ 0 ทำให้เยอรมันตกรอบไปตามระเบียบในรอบแบ่งกลุ่ม

             และนี้ก็คืออาถรรพ์ 4 ครั้งของตำนานแชมป์ฟุตบอลโลกตกรอบแบ่งกลุ่ม โดยที่ใครสังเกตดีๆจะเห็นได้ว่าในปี2012ที่บราซิลเป็นแชมป์ในแผ่นดินแดนปลาดิบ บราซิลเป็นทีมชาติเดียวที่รอดจากอาถรรพ์ฟุตบอลโลก 5 ครั้งโดยไม่ตกรอบแบ่งในฟุตบอลโลกรอบถัดไป ดั้งนั่นเพื่อนๆคิดเห็นอย่างไรกันบ้างสามารถแอดไลน์ที่ @Vmax168 ไปพูดคุยแลกเปลี่ยน สมัครสมาชิกฟรี 

สมัครสมาชิกฟรี ติดต่อเจ้าหน้าที่ ติดตามข่าวสาร
ย้อนกลับ